ข่าวออนไลน์
ข่าวเด่น ข่าวดัง คลังข่าวสาร
แซ่บแบบไทย
วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ข่าวสดทุกวัน
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ผู้ประท้วงตัดรั้วลวดหนาม บุกประชิดทำเนียบปธน.อียิปต์
ผู้ประท้วงตัดรั้วลวดหนาม บุกประชิดทำเนียบปธน.อียิปต์ ฝ่ายต่อต้านประกาศบอยค็อตต์เจรจา
ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลอียิปต์ได้ร่วมชุมนุมบริเวณด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไคโร หลังจากสามารถฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่เข้ามาได้
ประชาชนหลายหมื่นคนได้รวมตัวใกล้กับทำเนียบ หลังจากปฏิเสธข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด มอร์ซี เพื่อขอเปิดการเจรจาเพื่อยุติเหตุนองเลือดร่วมกับฝ่ายต่อต้าน โดยผู้นำฝ่ายต่อต้านกล่าวว่า ปธน.มอร์ซี แทบไม่เหลือทางเลือกให้พวกเขา หลังจากประกาศกฤษฎีกาเพิ่มอำนาจให้ตนเอง และนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่การทำประชามติ
ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายอียิปต์ การทำประชามติจะต้องจัดภายในสองสัปดาห์หลังถูกนำเสนออย่างเป็นทางการต่อประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี รองประธานาธิบดีมาห์มูด เมกกี กล่าวว่า นายมอร์ซี อาจชะลอการลงประชามติในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ออกไปก่อน หากฝ่ายต่อต้านยินยอมรับประกันว่าจะไม่แสดงการท้าทายรัฐบาลอีกในภายหลัง
ในช่วงค่ำวันศุกร์ ผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านได้รวมตัวกันใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี ก่อนที่จะตัดรั้วลวดหนามและบุกเข้าไปยังบริเวณนอกกำแพงที่ใกล้ทำเนียบ บางรายฉีดสเปรย์และพ่นเป็นข้อความต่างๆ ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลอียิปตื ได้เดินขบวนในเมืองหลวง พร้อมประกาศล้างแค้นให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะเมื่อต้นสัปดาห์
ก่อนหน้านี้ กลุ่มพันธมิตรฝ่ายค้าน National Salvation Front แถลงว่า ฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วมการเจรจาตามข้อเสนอของประธานาธิบดีที่กำหนดมีขึ้นในวันเสาร์ นายโมฮัมเหม้ด เอลบาราได เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ และหัวหน้าผู้ประสานงานของกลุ่ม โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ เรียกร้องให้ทุกกลุ่มการเมืองปฏิเสธทุกข้อเสนอเพื่อเปิดเจรจาจากปธน.มอร์ซี เช่นเดียวกับกลุ่มเสรีนิยม Wafd และ กลุ่ม National Association for Change ที่ประกาศว่าจะบอยค็อตต์การเจรจาเช่นกัน
|
ตั้งข้อหามาร์ค-เทือก คดีฆ่า99ศพ
ตั้งข้อหามาร์ค-เทือก คดีฆ่า99ศพ
ธาริตชี้ผลคำสั่ง ตามศาลไต่สวน ยิง'พัน คำกอง' เรียก2ผู้ต้องหา มาให้การ12ธค.
แจ้งข้อหา 'มาร์ค-เทือก' คดี 99 ศพ ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล'ธาริต' แถลงเป็นผลสืบเนื่องจากคำสั่งของศาล คดี 'พัน คำกอง' ตายด้วยกระสุนปืนเจ้าหน้าที่ตามคำสั่ง 'ศอฉ.' มีพยานหลักฐานยืนยันการสั่งใช้อาวุธปืน พลซุ่มยิง ออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจาก 'ผอ.ศอฉ.' ที่เกิดจากการสั่งการของ นายกฯ ในขณะนั้น ชี้การสั่งการของทั้งคู่ กระทำต่อเนื่องหลายครั้ง แม้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน ก็ไม่ระงับยับยั้ง หรือใช้แนวทางอื่นแทน บ่งชี้ได้ว่าเจตนาเล็งเห็นผล นัด 12 ธ.ค. ให้ 2 ผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหา ด้านโฆษกปชป.โวยคุกคาม อ้างอีกเรื่องการเมือง ยันทั้งคู่พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ถอยหนี ส่วนทีมกฎหมายปชป.ขู่เอาผิดธาริตและพนักงานสอบสวน
'มาร์ค-เทือก'โดนแล้ว-ข้อหาฆ่า
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและ เจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 เป็นประธานประชุมคณะพนักงานสอบสวน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ และดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ประชุมหารือกันเป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง ก่อนมีมติให้แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84, และ มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี
'ธาริต'แถลงยันหลักฐานมัด
จากนั้นนายธาริตแถลงผลการประชุมว่า สืบเนื่องจากศาลยุติธรรมมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ในคดีการไต่สวนเหตุการณ์ตายของนายพัน คำกอง ว่าการตายของนายพันเกิดจากกระสุนปืนของทหารที่เข้าปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ. และศาลส่งสำนวนการพิจารณาไต่สวนทั้งหมดพร้อมคำสั่งมายังบช.น. และดีเอสไอ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องยึดถือเอาข้อเท็จจริงอันเป็นยุติโดยการไต่สวนของศาล
นายธาริตกล่าวว่า พยานหลักฐานอันสำคัญที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ต้องมีมติให้แจ้งข้อหาแก่บุคคลทั้ง 2 คน มาจากพยานที่ได้จากการไต่สวน และคำสั่งของศาล รวมทั้งพยานหลักฐานที่สอบสวนเพิ่มเติม เช่น การสั่งใช้กำลังทหารที่มีอาวุธปืนเข้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยที่ศอฉ.เรียกว่ากระชับพื้นที่ และขอคืนพื้นที่ การสั่งใช้อาวุธปืน การสั่งใช้พลซุ่มยิง และอื่นๆ โดยออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. และอ้างไว้ในคำสั่งด้วยว่า เกิดจากการสั่งการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างชัดเจน สอดคล้องกับพยานบุคคลที่ร่วมอยู่ในศอฉ.ว่านายอภิสิทธิ์ฯ ในฐานะนายกฯ ได้รับรู้ร่วมสั่งการ และพักอาศัยอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการของศอฉ.ตลอดเวลา
ชี้สั่งการเจตนาเล็งเห็นผลตาย
"ประการสำคัญคือ การสั่งการของบุคคลทั้ง สองกระทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายครา แม้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน แล้วก็หาได้ระงับยับยั้ง หรือใช้แนวทางอื่นใดแทน รวมถึงพยานแวดล้อมกรณีอื่นๆ อีก จึงเป็นการบ่งชี้ได้ว่าเป็นเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าการร่วมกันสั่งการเช่นนั้น ย่อมทำให้เกิดการตายของประชาชนจำนวนมาก และต่อเนื่องหลายวัน" หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ กล่าว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า คดีเช่นนี้ถือเป็นคดีที่สำคัญของสังคม เพราะการตายเกิดจากการ กระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กฎหมายจึงบัญญัติไว้เป็นกรณีพิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ที่ต้องมีการไต่สวนเหตุการณ์ตายโดยศาลยุติธรรม เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติโดยเป็นธรรมจากการสืบพยานไต่สวนโดยศาล ที่พิจารณาโดยเปิดเผย ทุกฝ่ายสามารถนำพยานหลักฐานเข้ามาสืบได้ แล้วในที่สุดศาลก็จะมีคำสั่งว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตาย และมีพฤติการณ์ หรือสาเหตุอย่างไร ในคดีนี้ศาลก็มีคำสั่งครบถ้วน หน้าที่ของพนักงานสอบสวนจึงต้องดำเนินการต่อ ตามผลของการไต่สวนและคำสั่งของศาล อาจกล่าวโดยง่ายๆ ว่าต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่ได้ยุติชั้นศาลแล้วนั้นเอง
นัด 12 ธ.ค.มารับทราบข้อหา
นายธาริตกล่าวต่อว่า คดีนี้ศาลสั่งว่าเหตุการตายเกิดจากกระสุนปืนของฝ่ายทหารที่เข้าปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ. พนักงานสอบสวนก็ต้องมาต่อยอดว่าผู้มีอำนาจสั่งการของศอฉ. ที่เป็นต้นเหตุของการสั่งการจนมีการตายเกิดขึ้นเป็นใคร และมีรายละเอียดพร้อมพยานหลักฐานว่าได้กระทำผิดเช่นใด ส่วนทหารที่เข้าปฏิบัติการนั้น ศาลไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด และโดยผลการสอบ สวนก็ไม่อาจระบุตัวตนได้ด้วย แต่ก็ได้รับผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 ว่าเมื่อเป็นการปฏิบัติตามการสั่งการ ซึ่งเชื่อว่าต้องปฏิบัติก็ย่อมได้รับการคุ้มครองโดยไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น ในชั้นนี้จึงไม่แจ้งข้อหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า เมื่อสิ้นสุดการประชุมคณะพนักงานสอบสวน ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ลงนามในหนังสือแจ้งให้บุคคลทั้งสอง คือ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มารับทราบข้อหาในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 14.00 น. เมื่อบุคคลทั้งสองเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาและสอบสวนเสร็จ ก็จะใช้ดุลพินิจปล่อยตัวไปโดยไม่ขอศาลให้ฝากขัง เนื่องจากบุคคลทั้งสองเป็นอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองชั้นผู้ใหญ่ จึงใช้การออกหนังสือเชิญแทนการออกหมายเรียก การเชิญนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมาแจ้งข้อหาในช่วงนี้ ก็เพื่อจะได้นำตัวเข้ามาในคดี อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี เพราะหากพ้นวันที่ 20 ธ.ค. ไปแล้ว บุคคลทั้งสองจะได้รับเอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองตามกฎหมายทันที เนื่องจากเปิดประชุมสภา และเชื่อว่าบุคคลทั้งสองจะมาตามนัด โดยไม่ถ่วงเวลาจนเปิดประชุมสภา ในวันที่ 21 ธ.ค.
ย้ำดำเนินคดี 2 ฝ่ายเท่ากัน
"การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ดีเอสไอไม่ได้ทำคดีตามกระแส หรือใบสั่งของฝ่ายการเมือง เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก คดีทุกคดีต้องไปจบที่ศาล พนักงานสอบสวนไม่อาจกลั่นแกล้งใคร หรือช่วยเหลือใครได้ การสอบสวนก็ร่วมกันถึง 3 ฝ่ายประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ และดีเอสไอ ทุกคดีจึงเป็นไปตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ที่สำคัญเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดทั้ง 2 ฝ่าย จนถึงขณะนี้กลุ่มฮาร์ดคอร์ของผู้ชุมนุมได้ถูกดำเนินคดี ฟ้องคดีต่อศาลไปแล้วถึง 62 คดี มีผู้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลถึง 295 คน" นายธาริตกล่าว
หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มผู้สั่งการของศอฉ.เพิ่งจะถูกดำเนินคดีนี้เป็นคดีแรก ซึ่งความจริงก็ดำเนินการมาแต่แรกคู่ขนานกัน แต่คดีของกลุ่มผู้สั่งการของศอฉ. ต้องรอการไต่สวนของศาลก่อน จึงดูล่าช้า ทั้งที่ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่ายเท่าเทียมกัน และก็เป็นธรรมชาติที่ผู้ถูกดำเนินคดี หรือผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทุกฝ่ายจะต้องไม่ชอบใจดีเอสไอ มีการต่อว่าต่างๆ นานา ดีเอสไอเองก็พร้อมรับ เพราะถือว่าทำตามหน้าที่ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ใช้พลซุ่มยิง-เข้าข่ายเล็งเห็นผล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีในช่วงเหตุการณ์เดือนเม.ย.2553 ที่นายธาริตให้ความเห็นว่าเห็นด้วยกับการที่ศอฉ.ดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยในบ้านเมือง นายธาริตกล่าวว่า มีความเห็นเช่นนั้นจริง แต่ไม่ใช่ให้ใช้อาวุธหรือสั่งยิง ตลอดจนให้มีพลซุ่มยิง หรือเห็นว่ามีคนตายไม่ผิด
ต่อข้อถามว่าชุดสอบสวนแจ้งข้อหาอดีต นายกฯ อภิสิทธิ์ หมายความว่านายกฯ ไม่มีอำนาจระงับเหตุไม่สงบในบ้านเมืองใช่หรือไม่ แต่หากไม่ดำเนินการใดๆ จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่อีก นายธาริตกล่าวว่าการฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เนื่องมาจากการเป็นผู้สั่งการใช้อำนาจ โดยเล็งเห็นผลตามมาตรา 59 ทำอย่างต่อเนื่องหลายวันหลายครั้ง รวมทั้งอนุมัติให้มีพลซุ่มยิง เป็นการก่อให้เกิดผลมีผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ เนื่องจากนายสาธิตเป็น 1 ใน 13 คน ที่เข้าร่วม ประชุมครม.นัดพิเศษ ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553 ก่อนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่นายสาธิตไม่ได้ให้การเกี่ยวกับรายละเอียดในการประชุมครม.ดังกล่าว
ปชป.โต้-อ้างการเมืองคุกคาม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ แจ้งข้อหาและออกหมายเรียกนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดเพื่อคุกคามฝ่ายตรงข้าม ไม่แปลกใจที่ดีเอสไอต้องเร่งรีบ เพราะมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน พยายามทำเรื่องนี้ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา เนื่องจากไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง จึงอยากเตือนนายธาริตว่า เรื่องนี้สังคมเห็นชัดเจนแล้วว่ามีความจงใจตั้งข้อหา ทั้งในแง่การสืบสวนสอบสวนที่ตั้งธงเอาผิดผู้ออกคำสั่งในนามศอฉ.
นายชวนนท์กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีคำสั่งของศอฉ.ฉบับไหน ที่สั่งให้ทหารใช้ความรุนแรงกับประชาชน หรือสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน มีแต่เพียงคำสั่งที่ให้ทหารออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือชายชุดดำ ดังนั้นจึงตีความว่าเป็นการเล็งเห็นผลไม่ได้ ขอยืนยันว่าบุคคลทั้งสองพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ถอยหนีไปไหน และพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ว่าไม่เคยใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต หรือสั่งให้ทหารทำร้ายประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้ผู้ที่ออกคำสั่ง หรือตั้งข้อหาโดยมิชอบจะต้องรับผิดชอบ
รีบตั้งข้อหา-บิดข้อเท็จจริง
ส่วนนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกตั้งข้อหา ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและคำสั่งศาลเพียงเพื่อนำไปสู่การตั้งข้อหาเท่านั้น และพฤติกรรมของดีเอสไอ ที่เร่งรีบตั้งข้อหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะการทำงานของดีเอสไอ กำหนดธงไว้แล้วว่าจะต้องตั้งข้อหากับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้จงได้ เพื่อให้ทันเปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติ แล้วเอานายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพ เป็นตัวประกัน เพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การออกกฎหมายปรองดอง หรือกฎหมายล้างผิด
"วันนี้จึงได้แสดงออกชัดเจน เมื่อเปิดฉากกันแบบนี้ ก็ต้องสู้กันตามกระบวนการของกฎหมาย ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และเชื่อว่าความถูกต้องยังคงมีอยู่ในบ้านเมือง และดีเอสไอตั้งแต่อธิบดีจนถึงพนักงานสอบสวน ก็จะต้องยอมรับผลในทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน อย่าคิดว่าถือกฎหมายแล้วจะทำอะไรก็ได้ ระวังจะคืนสนองกลับไปหาตัวเอง" ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ศาลชี้เปิดสภา-ปล่อยก่อแก้ว
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัวชั่วคราวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ช่วงเปิดสมัยประชุมสภานิติบัญญัติในวันที่ 21 ธ.ค. ที่จะถึงว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ระบุว่าในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัว ส.ส. หรือส.ว. ไปสอบสวนในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา และในวรรค 5 ของมาตรานี้ ยังระบุว่าถ้า ส.ส. หรือ ส.ว. ถูกคุมขังระหว่างสอบสวน หรือพิจารณาเมื่อถึงสมัยประชุมต้องสั่งปล่อยทันที หลังจากมีคำร้องขอจากประธานสภา
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า หมายความว่าการที่ศาลจะปล่อยตัวนายก่อแก้วได้ ต้องมีหนังสือแจ้งจากประธานสภามายังศาลอาญา ถึงจะออกหมายปล่อยตัวชั่วคราวได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีหนังสือแจ้งมา ศาลจะยังมีอำนาจคุมขังนายก่อแก้วจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายพิจารณาคดีความอาญาต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามีหนังสือจากประธานสภาแจ้งมา ศาลอาญาก็จะต้องออกหมายปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้จำเลยไปใช้สิทธิ์ในสภา แต่ถ้าถึงวันปิดสมัยประชุมสภา นายก่อแก้วจำเลยจะต้องมารายงานตัวที่ศาล เพื่อให้ศาลออกหมายขังอีกครั้ง มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับ
ทนายเล็ง 2 แนวทางยื่นประกัน
ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของนายก่อแก้วกล่าวว่า เข้าหารือนายก่อแก้วถึงสาเหตุที่ศาลยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา และหารือถึงแนวทางในการยื่นขอประกันตัวว่า เบื้องต้นได้เตรียมไว้ 2 แนวทาง คือ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง และยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อขอให้ศาลไต่สวนเท็จจริง ว่าจำเลยไม่มีเจตนาในการกระทำผิดเงื่อนไขของศาล ในการพูดข่มขู่ คุกคาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับจำเลย เป็นส.ส.มีภารกิจหน้าที่ที่ต้องสะสาง แม้จะอยู่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภาก็ตาม
ทนายความนายก่อแก้วกล่าวต่อว่า ส่วนจะใช้แนวทางเดียวกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ที่ยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาล และลงข้อความขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในหนังสือพิมพ์ หรือไม่นั้น คงไม่ใช่ เนื่องจากมีลักษณะการกระทำผิดต่างกัน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่าจะใช้แนวทางใด
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์
poppulanews
ธาริตชี้ผลคำสั่ง ตามศาลไต่สวน ยิง'พัน คำกอง' เรียก2ผู้ต้องหา มาให้การ12ธค.
กระหึ่มโลก - สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดังตีข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนพ.ค.2553 จนมีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ |
'มาร์ค-เทือก'โดนแล้ว-ข้อหาฆ่า
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและ เจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 99 ศพ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค.2553 เป็นประธานประชุมคณะพนักงานสอบสวน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ ตำรวจ และดีเอสไอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ประชุมหารือกันเป็นเวลานาน 1 ชั่วโมง ก่อนมีมติให้แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84, และ มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี
'ธาริต'แถลงยันหลักฐานมัด
จากนั้นนายธาริตแถลงผลการประชุมว่า สืบเนื่องจากศาลยุติธรรมมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ในคดีการไต่สวนเหตุการณ์ตายของนายพัน คำกอง ว่าการตายของนายพันเกิดจากกระสุนปืนของทหารที่เข้าปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ. และศาลส่งสำนวนการพิจารณาไต่สวนทั้งหมดพร้อมคำสั่งมายังบช.น. และดีเอสไอ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจำเป็นต้องยึดถือเอาข้อเท็จจริงอันเป็นยุติโดยการไต่สวนของศาล
นายธาริตกล่าวว่า พยานหลักฐานอันสำคัญที่ทำให้คณะพนักงานสอบสวนทั้ง 3 ฝ่าย ต้องมีมติให้แจ้งข้อหาแก่บุคคลทั้ง 2 คน มาจากพยานที่ได้จากการไต่สวน และคำสั่งของศาล รวมทั้งพยานหลักฐานที่สอบสวนเพิ่มเติม เช่น การสั่งใช้กำลังทหารที่มีอาวุธปืนเข้าปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยที่ศอฉ.เรียกว่ากระชับพื้นที่ และขอคืนพื้นที่ การสั่งใช้อาวุธปืน การสั่งใช้พลซุ่มยิง และอื่นๆ โดยออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผอ.ศอฉ. และอ้างไว้ในคำสั่งด้วยว่า เกิดจากการสั่งการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อย่างชัดเจน สอดคล้องกับพยานบุคคลที่ร่วมอยู่ในศอฉ.ว่านายอภิสิทธิ์ฯ ในฐานะนายกฯ ได้รับรู้ร่วมสั่งการ และพักอาศัยอยู่ในศูนย์ปฏิบัติการของศอฉ.ตลอดเวลา
ชี้สั่งการเจตนาเล็งเห็นผลตาย
"ประการสำคัญคือ การสั่งการของบุคคลทั้ง สองกระทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายครา แม้เกิดการสูญเสียชีวิตของประชาชน แล้วก็หาได้ระงับยับยั้ง หรือใช้แนวทางอื่นใดแทน รวมถึงพยานแวดล้อมกรณีอื่นๆ อีก จึงเป็นการบ่งชี้ได้ว่าเป็นเจตนาเล็งเห็นผลได้ว่าการร่วมกันสั่งการเช่นนั้น ย่อมทำให้เกิดการตายของประชาชนจำนวนมาก และต่อเนื่องหลายวัน" หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ กล่าว
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า คดีเช่นนี้ถือเป็นคดีที่สำคัญของสังคม เพราะการตายเกิดจากการ กระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ กฎหมายจึงบัญญัติไว้เป็นกรณีพิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ที่ต้องมีการไต่สวนเหตุการณ์ตายโดยศาลยุติธรรม เพื่อให้ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติโดยเป็นธรรมจากการสืบพยานไต่สวนโดยศาล ที่พิจารณาโดยเปิดเผย ทุกฝ่ายสามารถนำพยานหลักฐานเข้ามาสืบได้ แล้วในที่สุดศาลก็จะมีคำสั่งว่าผู้ตายเป็นใคร ใครทำให้ตาย และมีพฤติการณ์ หรือสาเหตุอย่างไร ในคดีนี้ศาลก็มีคำสั่งครบถ้วน หน้าที่ของพนักงานสอบสวนจึงต้องดำเนินการต่อ ตามผลของการไต่สวนและคำสั่งของศาล อาจกล่าวโดยง่ายๆ ว่าต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่ได้ยุติชั้นศาลแล้วนั้นเอง
นัด 12 ธ.ค.มารับทราบข้อหา
นายธาริตกล่าวต่อว่า คดีนี้ศาลสั่งว่าเหตุการตายเกิดจากกระสุนปืนของฝ่ายทหารที่เข้าปฏิบัติการตามคำสั่งของศอฉ. พนักงานสอบสวนก็ต้องมาต่อยอดว่าผู้มีอำนาจสั่งการของศอฉ. ที่เป็นต้นเหตุของการสั่งการจนมีการตายเกิดขึ้นเป็นใคร และมีรายละเอียดพร้อมพยานหลักฐานว่าได้กระทำผิดเช่นใด ส่วนทหารที่เข้าปฏิบัติการนั้น ศาลไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด และโดยผลการสอบ สวนก็ไม่อาจระบุตัวตนได้ด้วย แต่ก็ได้รับผลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70 ว่าเมื่อเป็นการปฏิบัติตามการสั่งการ ซึ่งเชื่อว่าต้องปฏิบัติก็ย่อมได้รับการคุ้มครองโดยไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น ในชั้นนี้จึงไม่แจ้งข้อหาแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า เมื่อสิ้นสุดการประชุมคณะพนักงานสอบสวน ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็ลงนามในหนังสือแจ้งให้บุคคลทั้งสอง คือ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มารับทราบข้อหาในวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 14.00 น. เมื่อบุคคลทั้งสองเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาและสอบสวนเสร็จ ก็จะใช้ดุลพินิจปล่อยตัวไปโดยไม่ขอศาลให้ฝากขัง เนื่องจากบุคคลทั้งสองเป็นอดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองชั้นผู้ใหญ่ จึงใช้การออกหนังสือเชิญแทนการออกหมายเรียก การเชิญนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมาแจ้งข้อหาในช่วงนี้ ก็เพื่อจะได้นำตัวเข้ามาในคดี อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี เพราะหากพ้นวันที่ 20 ธ.ค. ไปแล้ว บุคคลทั้งสองจะได้รับเอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองตามกฎหมายทันที เนื่องจากเปิดประชุมสภา และเชื่อว่าบุคคลทั้งสองจะมาตามนัด โดยไม่ถ่วงเวลาจนเปิดประชุมสภา ในวันที่ 21 ธ.ค.
ย้ำดำเนินคดี 2 ฝ่ายเท่ากัน
"การสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ดีเอสไอไม่ได้ทำคดีตามกระแส หรือใบสั่งของฝ่ายการเมือง เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก คดีทุกคดีต้องไปจบที่ศาล พนักงานสอบสวนไม่อาจกลั่นแกล้งใคร หรือช่วยเหลือใครได้ การสอบสวนก็ร่วมกันถึง 3 ฝ่ายประกอบด้วย ตำรวจ อัยการ และดีเอสไอ ทุกคดีจึงเป็นไปตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ที่สำคัญเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผู้เข้าข่ายกระทำผิดทั้ง 2 ฝ่าย จนถึงขณะนี้กลุ่มฮาร์ดคอร์ของผู้ชุมนุมได้ถูกดำเนินคดี ฟ้องคดีต่อศาลไปแล้วถึง 62 คดี มีผู้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลถึง 295 คน" นายธาริตกล่าว
ตั้งข้อหา - นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงตั้งข้อหาฆ่ากับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผอ.ศอฉ. ในคดีการตายของนายพัน คำกอง (ภาพเล็ก) ที่ศาลชี้ว่าเสียชีวิตจากปืนเจ้าหน้าที่รัฐ |
หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มผู้สั่งการของศอฉ.เพิ่งจะถูกดำเนินคดีนี้เป็นคดีแรก ซึ่งความจริงก็ดำเนินการมาแต่แรกคู่ขนานกัน แต่คดีของกลุ่มผู้สั่งการของศอฉ. ต้องรอการไต่สวนของศาลก่อน จึงดูล่าช้า ทั้งที่ ดีเอสไอได้ดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่ายเท่าเทียมกัน และก็เป็นธรรมชาติที่ผู้ถูกดำเนินคดี หรือผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาทุกฝ่ายจะต้องไม่ชอบใจดีเอสไอ มีการต่อว่าต่างๆ นานา ดีเอสไอเองก็พร้อมรับ เพราะถือว่าทำตามหน้าที่ในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ใช้พลซุ่มยิง-เข้าข่ายเล็งเห็นผล
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีในช่วงเหตุการณ์เดือนเม.ย.2553 ที่นายธาริตให้ความเห็นว่าเห็นด้วยกับการที่ศอฉ.ดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยในบ้านเมือง นายธาริตกล่าวว่า มีความเห็นเช่นนั้นจริง แต่ไม่ใช่ให้ใช้อาวุธหรือสั่งยิง ตลอดจนให้มีพลซุ่มยิง หรือเห็นว่ามีคนตายไม่ผิด
ต่อข้อถามว่าชุดสอบสวนแจ้งข้อหาอดีต นายกฯ อภิสิทธิ์ หมายความว่านายกฯ ไม่มีอำนาจระงับเหตุไม่สงบในบ้านเมืองใช่หรือไม่ แต่หากไม่ดำเนินการใดๆ จะเข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่อีก นายธาริตกล่าวว่าการฟ้องนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เนื่องมาจากการเป็นผู้สั่งการใช้อำนาจ โดยเล็งเห็นผลตามมาตรา 59 ทำอย่างต่อเนื่องหลายวันหลายครั้ง รวมทั้งอนุมัติให้มีพลซุ่มยิง เป็นการก่อให้เกิดผลมีผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ เนื่องจากนายสาธิตเป็น 1 ใน 13 คน ที่เข้าร่วม ประชุมครม.นัดพิเศษ ในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2553 ก่อนจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่นายสาธิตไม่ได้ให้การเกี่ยวกับรายละเอียดในการประชุมครม.ดังกล่าว
ปชป.โต้-อ้างการเมืองคุกคาม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนคดี 99 ศพ แจ้งข้อหาและออกหมายเรียกนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดเพื่อคุกคามฝ่ายตรงข้าม ไม่แปลกใจที่ดีเอสไอต้องเร่งรีบ เพราะมีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน พยายามทำเรื่องนี้ในช่วงปิดสมัยประชุมสภา เนื่องจากไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง จึงอยากเตือนนายธาริตว่า เรื่องนี้สังคมเห็นชัดเจนแล้วว่ามีความจงใจตั้งข้อหา ทั้งในแง่การสืบสวนสอบสวนที่ตั้งธงเอาผิดผู้ออกคำสั่งในนามศอฉ.
นายชวนนท์กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีคำสั่งของศอฉ.ฉบับไหน ที่สั่งให้ทหารใช้ความรุนแรงกับประชาชน หรือสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน มีแต่เพียงคำสั่งที่ให้ทหารออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือชายชุดดำ ดังนั้นจึงตีความว่าเป็นการเล็งเห็นผลไม่ได้ ขอยืนยันว่าบุคคลทั้งสองพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ถอยหนีไปไหน และพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ว่าไม่เคยใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต หรือสั่งให้ทหารทำร้ายประชาชน ดังนั้น เรื่องนี้ผู้ที่ออกคำสั่ง หรือตั้งข้อหาโดยมิชอบจะต้องรับผิดชอบ
รีบตั้งข้อหา-บิดข้อเท็จจริง
ส่วนนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกตั้งข้อหา ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและคำสั่งศาลเพียงเพื่อนำไปสู่การตั้งข้อหาเท่านั้น และพฤติกรรมของดีเอสไอ ที่เร่งรีบตั้งข้อหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะการทำงานของดีเอสไอ กำหนดธงไว้แล้วว่าจะต้องตั้งข้อหากับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้จงได้ เพื่อให้ทันเปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติ แล้วเอานายอภิสิทธิ์และนาย สุเทพ เป็นตัวประกัน เพื่อสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การออกกฎหมายปรองดอง หรือกฎหมายล้างผิด
"วันนี้จึงได้แสดงออกชัดเจน เมื่อเปิดฉากกันแบบนี้ ก็ต้องสู้กันตามกระบวนการของกฎหมาย ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย และเชื่อว่าความถูกต้องยังคงมีอยู่ในบ้านเมือง และดีเอสไอตั้งแต่อธิบดีจนถึงพนักงานสอบสวน ก็จะต้องยอมรับผลในทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน อย่าคิดว่าถือกฎหมายแล้วจะทำอะไรก็ได้ ระวังจะคืนสนองกลับไปหาตัวเอง" ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ศาลชี้เปิดสภา-ปล่อยก่อแก้ว
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีการปล่อยตัวชั่วคราวนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ช่วงเปิดสมัยประชุมสภานิติบัญญัติในวันที่ 21 ธ.ค. ที่จะถึงว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 ระบุว่าในระหว่างสมัยประชุม ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัว ส.ส. หรือส.ว. ไปสอบสวนในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา และในวรรค 5 ของมาตรานี้ ยังระบุว่าถ้า ส.ส. หรือ ส.ว. ถูกคุมขังระหว่างสอบสวน หรือพิจารณาเมื่อถึงสมัยประชุมต้องสั่งปล่อยทันที หลังจากมีคำร้องขอจากประธานสภา
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า หมายความว่าการที่ศาลจะปล่อยตัวนายก่อแก้วได้ ต้องมีหนังสือแจ้งจากประธานสภามายังศาลอาญา ถึงจะออกหมายปล่อยตัวชั่วคราวได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีหนังสือแจ้งมา ศาลจะยังมีอำนาจคุมขังนายก่อแก้วจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายพิจารณาคดีความอาญาต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้ามีหนังสือจากประธานสภาแจ้งมา ศาลอาญาก็จะต้องออกหมายปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้จำเลยไปใช้สิทธิ์ในสภา แต่ถ้าถึงวันปิดสมัยประชุมสภา นายก่อแก้วจำเลยจะต้องมารายงานตัวที่ศาล เพื่อให้ศาลออกหมายขังอีกครั้ง มิฉะนั้นศาลจะออกหมายจับ
ทนายเล็ง 2 แนวทางยื่นประกัน
ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความของนายก่อแก้วกล่าวว่า เข้าหารือนายก่อแก้วถึงสาเหตุที่ศาลยกคำร้องการขอปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา และหารือถึงแนวทางในการยื่นขอประกันตัวว่า เบื้องต้นได้เตรียมไว้ 2 แนวทาง คือ ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง และยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อขอให้ศาลไต่สวนเท็จจริง ว่าจำเลยไม่มีเจตนาในการกระทำผิดเงื่อนไขของศาล ในการพูดข่มขู่ คุกคาม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบกับจำเลย เป็นส.ส.มีภารกิจหน้าที่ที่ต้องสะสาง แม้จะอยู่ระหว่างปิดสมัยประชุมสภาก็ตาม
ทนายความนายก่อแก้วกล่าวต่อว่า ส่วนจะใช้แนวทางเดียวกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ที่ยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาล และลงข้อความขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในหนังสือพิมพ์ หรือไม่นั้น คงไม่ใช่ เนื่องจากมีลักษณะการกระทำผิดต่างกัน คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนว่าจะใช้แนวทางใด
ที่มา: ข่าวสดออนไลน์
poppulanews
วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ภาพประวัติศาสตร์ทุกฉบับหน้า1นสพ.
ภาพประวัติศาสตร์ทุกฉบับหน้า1นสพ. แผ่นดินเหลืองอร่ามทอง กึกก้อง"ทรงพระเจริญสดุดี"ถวายพระพร"ในหลวง"
"งานไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติ" ที่อุตรดิตถ์
งดงาม อลังการ "งานไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติ" ที่อุตรดิตถ์
ช่วงค่ำคืนวันที่ 5 ธันวาคม ที่บริเวณริมแม่น้ำน่าน ท่าน้ำหน้าวัดวังแดง ต.วังแดง อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ นายชลิต ธนวัฒน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดงานไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติ และพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ ประจำปี 2555 และเป็นปีที่ 15 มีองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 7 แห่ง ประกอบด้วย เทศบาลตำบลตรอน เทศบาลตำบลบ้านแก่ง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านแก่ง อบต.วังแดง อบต.หาดสองแคว อบต.ข่อยสูง และ อบต.น้ำอ่าง ร่วมจัดแพเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 7 หลัง พร้อมด้วยแพขอบคุณสายน้ำอีก 47 หลัง โดยมีประชาชนทั่วสารทิศจาก จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดสุโขทัย จังหวัดตาก จังหวัดแพร่ จังหวัดเพชรบูรณ์และจังหวัดน่าน จำนวนเรือนแสนแห่ชมงานประเพณีไหลแพไฟ ตามจุดท่าน้ำต่างๆทั้ง 5 แห่ง ที่ขบวนไหลแพไฟไหลผ่าน อาทิ จุดท่าวังแดง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนไหลแพไฟเริ่มออก จุดท่าน้ำตรอน จุดท่าน้ำ อบต.บ้านแก่ง จุดท่าน้ำเทศบาลบ้านแก่งและท่าน้ำวัดหาดสองแคว ซึ่งเป็นจุดที่แพไฟทั้งหมดจะไหลมารวมกันและสิ้นสุดที่นี่ ด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตร
|
วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555
"สมุย-พะงัน" ป่วน!
"สมุย-พะงัน" ป่วน! ไฟฟ้าดับทั้ง 1 เกาะ เคเบิ้ลใต้ดินระเบิด นักท่องเที่ยวแห่เช็คเอาท์เพียบ!
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ว่า ที่ อ.เกาะสมุย และ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเกาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ได้เกิดความวุ่นวายเนื่องจากกระแสไฟฟ้าดับทั้ง 2 เกาะต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม โดยบางพื้นที่ยังมีกระแสไฟฟ้าใช้และดับเป็นช่วงๆ ซึ่งในช่วงกลางคืนโรงแรมรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่มีเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าต้องปั่นกระแสไฟฟ้าเอง ส่วนบังกะโลและรีสอร์ทขนาดเล็กต้องใช้เทียนจุดให้กับแขกที่เข้าพัก
เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการลูกค้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อ.เกาะสมุย ชี้แจงว่า สาเหตุมาจากจุดข้อต่อสายเมนเคเบิ้ลไฟฟ้าใต้ดินเส้นใหญ่ขนาด 115 KV (กิโลโวลต์) ที่จ่ายไฟเลี้ยงทั้ง 2 เกาะฝังอยู่ลึกใต้ผิวดินประมาณ 1 เมตร ระหว่างชายฝั่งบ้านพังกา – สถานีไฟฟ้าพังงา หมู่ 4 ต.ตลิ่งงาม อ.เกาะสมุย ซึ่งเชื่อมมาจากสายเคเบิ้ลใต้น้ำ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช – บ้านพังงา ได้เกิดระเบิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าต่อไปได้
“ กฟภ.ได้แก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น โดยนำกระแสไฟฟ้าขนาด 33 KV ของสายเคเบิ้ลใต้น้ำอีกเส้นหนึ่งที่มีอยู่เดิมมาจ่ายไฟฟ้าไปพรางก่อน แต่จ่ายเลี้ยงบนเกาะสมุยได้เป็นบางพื้นที่และแบ่งเป็นโซนๆละ 2 ชั่วโมงดับสลับกันไป เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไม่พอและให้ประชาชนหุงทำอาหารได้ก่อน ” เจ้าหน้าที่ กฟภ.กล่าว
นายสุนทร ภู่ไพบูลย์ ผู้จัดการโรงแรมโครอลโคฟสมุย หาดเฉวงน้อย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย กล่าวว่า ได้ปั่นเครื่องไฟฟ้าใช้เองตั้งแต่เช้าวันที่ 4 ธันวาคมถึง 2 ทุ่ม ทำให้เครื่องร้อนจัดจนน็อคดับไป ซึ่งได้รีบชี้แจงให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรวมทั้งแขกที่เข้าพักได้ทราบและยังดีที่น้ำประปายังไหลอยู่มีน้ำให้แขกได้ใช้อาบไม่เช่นนั้นต้องมีการยกเลิกคืนห้องพักเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีการยกเลิกการเข้าพักใดๆ
“ โรงแรมหลายแห่งเริ่มซื้อหาน้ำมันเชื้อเพลิงมาสำรองไว้ใช้แล้ว เนื่องจากเกรงน้ำมันบนเกาะจะไม่พอ และปั๊มน้ำมันบางแห่งจ่ายน้ำมันไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องปั่นไฟและระบบโทรศัพท์มือถือใช้การติดต่อไม่ได้แล้ว เพราะไฟสำรองตามเสาส่งสัญญาณหมดไปแล้วเช่นกัน ” นายสุนทร กล่าว
นางวรรณี ไทยพานิช นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน กล่าวว่า ไฟฟ้าดับทั้งเกาะมาเป็นวันที่ 2 แล้ว บรรดาร้านอาหารที่มีตู้แช่ เช่น ร้านไอศกรีม ต้องเสียหายหายแห่ง และรีสอร์ทหลายแห่งที่ไม่มีเครื่องปั่นไฟต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน เนื่องแขกชาวต่างประเทศที่เข้าพักได้ยกเลิกคืนห้องย้ายไปพักตามโรงแรมใหญ่ที่มีเครื่องปั่นไฟแทน
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น.นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี และนายศักดา นาวารัตน์ รอง ผอ.กองบริการลูกค้า กฟภ.เขต 2 ภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงข่าวที่ศาลากลาง จ.สุราษฎร์ธานี
นายศักดา กล่าวว่า สาเหตุไฟฟ้าลัดวงจรเกิดจากโรงไฟฟ้าที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ของบริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (แอคโก้) ได้หยุดปรับปรุงระบบจ่ายไฟเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้จ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนไฟดับทั้งเกาะสมุยและเกาะพะงัน ซึ่งมีปริมาณใช้กระแสไฟฟ้า 90 เมกะวัตต์ต่อวัน
“ จากการส่งทีมช่าง กฟภ.จากรุงเทพฯเข้าตรวจสอบสายเคเบิ้ลไฟฟ้าใต้ดินบนเกาะสมุยระยะทาง 30 กิโลเมตรจนถึงเวลา 01.00 น.วันที่ 5 ธ.ค.พบว่า สายเคเบิ้ลไฟฟ้าขนาดเส้นผ่าสูนย์กลาง 250 มิลลิเมตรตรงจุดต่อสายบ้านพังงา ต.ตลิ่งงาม ได้เกิดไฟรั่วลัดวงจร กฟภ.จึงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญของส่วนกลางที่ทำงานอยู่ จ.เชียงรายลงมาเกาะสมุยโดยด่วนถึงเวลา 15.00 น.จะเข้าซ่อมทันที เบื้องต้นคาดจะใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงในการเชื่อมต่อ หากไม่มีปัญหาจะจ่ายไฟได้เวลา 23.00 น. ” นายศักดา กล่าว
นายศักดา กล่าวและว่า การแก้ปัญหาในขณะนี้ระบบไฟฟ้า 33 เควีที่มีอยู่จ่ายกระแสไฟได้ 15 เมกะวัตต์ จะจ่ายหมุนเวียน ได้ 2 ชั่วโมงต่อพื้นที่ โดยจ่ายได้เพียง 1 ใน 5 ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั้ง 2 เกาะเท่านั้นและได้ส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ไปสำรองไว้ที่โรงพยาบาลเกาะสมุย พร้อมมีการระดมรถโมบาย(รถยนต์เครื่องกำเนิดไฟฟ้า) ชุดแรก 4-5 คันของ กฟภ.ลงไปปั่นจ่ายไฟพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงันแล้ว
นายฉัตรป้อง กล่าวว่า มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นวันหยุด โดยนักท่องเที่ยวบนเกาะสมุย ในช่วงวันหยุดประมาณ 20,000 คน ได้เดินทางออกจากเกาะไปแล้วเหลือประมาณ 1,000 คนเท่านั้น ส่วนเกาะเต่าไม่มีผลกระทบเพราะมีไฟฟ้าใช้เอง
“ ขณะนี้ได้สั่งการด่วนไปยังคลังน้ำมันบริษัท ปตท.สุราษฎร์ธานี ให้ระดมส่งน้ำมันบรรทุกน้ำมันลงไปที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน เนื่องจากสถานประกอบโรงแรมรีสอร์ทระดับ 3 ดาวลงมาไม่มีเครื่องปั่นไฟ และน้ำมันบนเกาะเริ่มขาดแคลนและมีการกักตุนขึ้น ” นายฉัตรป้อง กล่าว
วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555
′′แอโรบิกมวยไทย-คีตะมวยไทย′′
′′แอโรบิกมวยไทย-คีตะมวยไทย′′ ใส่จังหวะแอโรบิก เต้นท่าไหว้ครูมวย
วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15:30:01 น.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)