เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้]การใช้คำนี้ในชาวคริสต์และในภาษาอังกฤษยุคแรก
คำว่า “ดวงจันทร์สีน้ำเงิน" (blue moon) มีบันทึกว่าใช้ในภาษาอังกฤษโบราณครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1528 ในหนังสือที่โจมตีนักบวชอังกฤษอย่างรุนแรง[2]หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า Rede Me and Be Not Wrothe [Read me and be not angry] ข้อความมีว่า
|
บางคนตีความคำว่า “ดวงจันทร์สีน้ำเงิน” นี้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับความไร้สาระและเป็นไปไม่ได้ [3] ภาษิตเกี่ยวกับดวงจันทร์ทำนองนี้ที่มีบันทึกครั้งแรกในปีต่อมาคือ
|
[แก้]ดวงจันทร์สีน้ำเงินที่สามารถมองเห็นได้
ความหมายที่แปลตามตัวอักษรที่สุดของคำว่า ดวงจันทร์สีน้ำเงิน คือ ดวงจันทร์ (ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นดวงจันทร์เต็มดวง) ที่ปรากฏแก่ผู้สังเกตเป็นสีออกน้ำเงิน ผิดจากที่เห็นตามปกติ และเป็นเหตุการณ์ที่หาดูได้ยาก การที่ดวงจันทร์เป็นสีน้ำเงินอาจเกิดจากอนุภาคของฝุ่นควันในบรรยากาศ เช่นที่เกิดขึ้นหลังจากไฟป่าในประเทศสวีเดนและแคนาดาในปี ค.ศ. 1950 และที่เห็นเด่นชัดที่สุดเกิดหลังจากภูเขาไฟกรากะตัวระเบิดในปี ค.ศ. 1883 ซึ่งทำให้ดวงจันทร์เป็นสีน้ำเงินเกือบสองปี
[แก้]คติชาวบ้าน
ในคติชาวบ้าน ในแต่ละเดือนของปี ดวงจันทร์เต็มดวงมีชื่อเรียกหลายชื่อตามฤดูกาลและการเก็บเกี่ยว เช่นharvest moon (จันทร์เพ็ญในฤดูเก็บเกี่ยว) และ snow moon (ดวงจันทร์ในฤดูหนาว) และอาจแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่และวัฒนธรรม เนื่องจากบางปีอาจมีดวงจันทร์เต็มดวงสิบสามครั้ง ในปีนั้นจึงมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ดวงจันทร์เต็มดวงไม่ตรงกับฤดูที่ถูกต้อง และจะเรียกดวงจันทร์เต็มดวงครั้งนั้นว่า ดวงจันทร์สีน้ำเงิน หลังจากนั้น ดวงจันทร์เต็มดวงอีกสิบสองครั้งที่เหลืออยู่ในปีนั้นก็จะปรับตรงตามช่วงเวลาดังเดิม
ต้นกำเนิดของคำว่า “ดวงจันทร์สีน้ำเงิน” แทรกซึมอยู่ในคติชาวบ้าน และความหมายของคำคำนี้ได้แปรเปลี่ยนไปทีละน้อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป บางคติกล่าวว่า ในเวลาที่ดวงจันทร์เป็นสีน้ำเงิน ดวงจันทร์จะมีใบหน้า และจะพูดคุยกับผู้ที่อยู่ใต้แสงจันทร์
[แก้]ดวงจันทร์สีน้ำเงินในบันทึกเหตุการณ์ของชาวนา
ในศตวรรษที่สิบเก้า และต้นศตวรรษที่ยี่สิบ บันทึกเหตุการณ์ของชาวนาเมือง Maine ได้ทำรายการวันที่ที่เกิดดวงจันทร์สีน้ำเงินสำหรับชาวนา วันเหล่านี้ตรงกับดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สามในไตรมาสของปี เมื่อมีดวงจันทร์เต็มดวงสี่ครั้ง (ตามปกติไตรมาสหนึ่งมีดวงจันทร์เต็มดวงสามครั้ง)
[แก้]เวลาที่จะเกิดดวงจันทร์สีน้ำเงินระหว่างปี ค.ศ. 2009 ถึง 2015
[แก้]ตามฤดูกาล
เมื่อใช้นิยามดวงจันทร์สีน้ำเงินตามบันทึกเหตุการณ์ของชาวนา (ซึ่งหมายถึงดวงจันทร์เต็มดวงครั้งที่สามในฤดูที่มีดวงจันทร์เต็มดวงสี่ครั้ง) จะเกิดดวงจันทร์สีน้ำเงินดังนี้
[แก้]ตามปฏิทิน
เดือนที่มีดวงจันทร์เต็มดวงสองครั้งคือ [4]
- เดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 (2 ธันวาคม และ 31 ธันวาคม)
- เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 (2 สิงหาคม และ 31 สิงหาคม)
- เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 (2 กรกฎาคม และ 31 กรกฎาคม)
[แก้]อ้างอิง
- ^ Sinnott, Roger W., Donald W. Olson, and Richard Tresch Fienberg (May 1999). "What's a Blue Moon?". Sky & Telescope.http://skyandtelescope.com/observing/objects/moon/article_127_1.asp. เรียกข้อมูลเมื่อ 2008-02-09. "The trendy definition of "blue Moon" as the second full Moon in a month is a mistake."
- ^ Koelbing, Arthur, Ph.D. (1907–21). "Barclay and Skelton: German influence on English literature". The Cambridge History of English and American Literature, Volume III. Bartleby.com. http://www.bartleby.com/213/0414.html.
- ^ Hiscock, Philip (June 19, 2006). "Folklore of the "Blue Moon"". International Planetarium Society. http://www.ips-planetarium.org/planetarian/articles/folkloreBlueMoon.html.
- ^ Giesen, Jurgen (21 พฤษภาคม 2550). "Blue Moon". Physik und Astromonie. http://jgiesen.de/moon/BlueMoon/. เรียกข้อมูลเมื่อ 20 เมษายน2552.
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
- อย่าพลาด!ชม'บลูมูน'2.72ปีมี1ครั้งหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น